(ตอบแค่ระบายสีแดงไว้ ก็น่าจะได้ 1 หน้า กับอีกครึ่ง แล้ว)
ต่อคำถามที่ว่า รัฐบาล มีนโยบายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างไร
แนวทางการตอบปัญหาข้อนี้
ยาเสพติดถือเป็น
"ภัยคุกคามที่กัดกร่อน บ่อนทำลายประเทศชาติ"
ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งต่อปัจเจกบุคคล สังคมส่วนรวม และการพัฒนาประเทศ
ทำให้สูญเสียทรัพยากรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเป็นกำลังสำคัญของประเทศ อีกทั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดก่อให้เกิดการเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศ
ไม่เป็นที่ไว้วางใจของนานาชาติในด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ทำให้ไม่กล้าเข้ามาท่องเที่ยวหรือลงทุนทางการค้าและธุรกิจต่าง ๆ
ที่ผ่านมาการปราบปรามหรือเพิ่มโทษไม่ได้ทำให้ปัญหายาเสพติดหมดไป
เพราะจากการสำรวจจำนวนผู้เสพยาเสพติดในประเทศไทยกลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โดยในปี 2546 มีผู้เสพประมาณ 460,000 คน ในปี 2550 มีผู้เสพ 570,000 คน และปี 2551 เพิ่มขึ้นเป็น 605,000 คน
นั่นแสดงว่าการปราบปรามอย่างเดียวไม่เพียงพอ
จำเป็นต้องมีนโยบายด้านอื่นมาสนับสนุนด้วย
การดึงพลังของทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกันทำงานแบบครบวงจรเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหา
รัฐบาล(นายยกฯอภิสิทธิ์) จึงได้จัดทำยุทธศาสตร์แผนปฏิบัติการในเรื่องของยาเสพติดภายใต้ชื่อ
"ยุทธศาสตร์ 5 รั้ว ป้องกัน" เพื่อป้องกันจุดอ่อน 5 ด้าน ทั้งด้านชายแดน
ด้านปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ด้านความอ่อนแอของครอบครัว-ชุมชน
และด้านปัจจัยทางเศรษฐกิจ-สังคม สภาพแวดล้อม
ความหมายของ
ยาเสพติด และยุทธศาสตร์
ยาเสพติด
หมายถึง
สารหรือยาที่อาจเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติหรือจากการสังเคราะห์
ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าโดยจะกิน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยประการใด ๆ แล้ว
จะทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจในลักษณะสำคัญ เช่น ต้องเพิ่มขนาดการเสพขึ้นเรื่อย
ๆ มีอาการอยากยาเมื่อขาดยา
มีความต้องการเสพทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
สุขภาพโดยทั่วไปจะทรุดโทรมลง
ยุทธศาสตร์ หรือ กลยุทธ์ ( strategy)
หมายถึง
การวางแผนงานสู่การปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ภายใต้การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม หรือการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ SWOT Analysis กล่าวคือ การวิเคราะห์ จุดอ่อน จุดแข็ง
โอกาส และภัยคุกคาม (อุปสรรค) ในกรอบระยะเวลาที่ต้องการ
ทั้งนี้เพื่อประกอบการวางแผนการในการใช้วิธีการ และทรัพยากร
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด
ความหมายที่ง่ายที่สุดของคำว่า
ยุทธศาสตร์ ก็คือแผนการปฏิบัติที่รวบรวมความพยายามทั้งหลายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
ในยุคปัจจุบันนี้ จะเป็นการเที่ยงตรงมากกว่า หากพิจารณาว่า Strategy คือขบวนการตัดสินใจอันซับซ้อนซึ่งเชื่อมโยงวัตถุประสงค์
หรือจุดมุ่งหมายสุดท้าย (Ends)
เข้ากับ
วิถี หรือ หนทาง (Ways) และวิธีการ หรือเครื่องมือ (Means) ในอันที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้น
ตามที่ รัฐบาลได้ประกาศนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติด
ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน เป็นยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินงาน
โดยมุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานในทุกระดับ
ถึงแม้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
จนสามารถมีผลดำเนินงานในด้านต่างๆ ได้สูงขึ้นมากกว่าการดำเนินงานที่ผ่านมา
แต่ด้วยข้อจำกัดและเหตุปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องหลายประการ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
การเมืองความมั่นคง มีส่วนให้ปัญหายาเสพติดขยายตัวมากขึ้น
ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม ดังนั้น
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2553 ให้ความเห็นชอบในหลักการของปฏิบัติการ
ประเทศไทยเข้มแข็งชนะยาเสพติดยั่งยืน ระยะที่ 3 ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน
เพื่อเป็นทิศทางหลักของการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศ ในปี 2554 นั้น
"รั้ว" ในที่นี้หมายถึง
การสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างกิจกรรม
สร้างกระบวนการทำงานทั้งภาครัฐและประชาชนได้ดำเนินการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
อันได้แก่ รั้วชายแดน รั้วชุมชน รั้วสังคม รั้วโรงเรียน และรั้วครอบครัว
รั้วแรก คือ "รั้วชายแดน"
ยาเสพติดส่วนใหญ่มาจากแหล่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบนำเข้าประเทศไทย
ภารกิจนี้มีกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นเจ้าภาพหลัก
ให้กองกำลังป้องกันชายแดนเป็นผู้รับผิดชอบในระดับพื้นที่
ทำหน้าที่จัดกำลังปฏิบัติการลาดตระเวน สกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดน
จัดตั้งอาสาสมัครประชาชนในหมู่บ้านชายแดนเพื่อเป็นกำลังเฝ้าระวัง
รวมถึงปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดในเชิงรุกด้วยการดำเนินมาตรการทางการข่าว
การร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งด้านการข่าว การปราบปรามสกัดกั้น
และการลาดตระเวนร่วมกัน
รั้วสอง คือ "รั้วชุมชน"
จากความอ่อนแอของชุมชน
ความไม่มีภูมิคุ้มกันของชุมชนทำให้ปัญหายาเสพติดเข้ามาแพร่ระบาดได้ง่าย
รัฐบาลจึงประกาศชัดเจนที่จะสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาสังคมด้านต่าง
ๆ เสริมบทบาทของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ผู้นำชุมชนในการเฝ้าระวังรวมทั้งการสำรวจตรวจสอบพฤติการณ์ทั้งค้าและเสพด้วยกระบวนการประชาคม
เพื่อคัดกรองปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านและชุมชนขั้นต้นรวมถึงมาตรการทางด้านกฎหมาย
เพื่อลดทอนโครงสร้างทางการค้าในพื้นที่
รวมถึงการจับกุมและส่งผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัด
รั้วสาม คือ "รั้วสังคม"
มุ่งเน้นไปที่เด็กและเยาวชน ซึ่งในช่วง
2-3
ปีที่ผ่านมา พบว่าปัจจัยลบในสังคม ทั้งสถานบันเทิงที่ผิดกฎหมาย หอพักที่ไม่ได้จดทะเบียน
โต๊ะสนุ๊ก โต๊ะพนันบอล ตู้ม้า ร้านเกมส์ อินเทอร์เน็ต แหล่งมั่วสุมต่าง ๆ
ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เยาวชนมีพฤติกรรมเสี่ยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ภารกิจนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการโดยผู้ว่าราชการจังหวัด/ผอ.รมน.จว.ดำเนินการขยายพื้นที่และกิจกรรมทางบวกให้มากขึ้น
อาทิ ลานกีฬา ลานดนตรี ลานกิจกรรมสร้างสรรค์ของเยาวชน
รวมถึงการสร้างแกนนำกลุ่มต่าง ๆ ในจังหวัด
ให้เป็นพลังขับเคลื่อนการจัดระเบียบสังคม อาทิ แกนนำครูอาสา แกนนำผู้ปกครอง
แกนนำเยาวชน แกนนำชุมชน ฯลฯ
รั้วสี่ คือ "รั้วโรงเรียน"
ปกติแล้วเยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ก็จะมีพฤติกรรมเสี่ยงในเรื่องอื่น ๆ ตามมา เช่น หนีเรียน มั่วสุม เสพยาเสพติด
ก้าวร้าว สูบบุหรี่ ดื่มของมึนเมา ดังนั้นมาตรการแก้ไขปัญหาของเยาวชนจึงต้องมุ่งเน้นไปที่สถานศึกษาทุกระดับ
ภารกิจนี้มีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพหลักในการสำรวจและจัดทำข้อมูลค้นหาผู้เสพ/ผู้ติด/ผู้ค้า
และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง
โดยมอบหมายให้ครูทำหน้าที่เสมือนกลไกปลูกฝังและสอดส่องพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน
ด้วยการจัดกิจกรรมในสถานศึกษา อาทิ การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาเฉพาะ
ค่ายพัฒนาคุณธรรมกิจกรรมทางเลือกตามความสนใจของเยาวชนทั้งดนตรี กีฬา
ศิลปะและการพัฒนาอาชีพ
นอกจากนี้ยังผลักดันให้มีการจัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองในโรงเรียนและชุมชนด้วย
รั้วสุดท้าย "รั้วครอบครัว"
ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะป้องกันยาเสพติด
เพราะเมื่อใดครอบครัวเข้มแข็งก็จะส่งผลต่อพื้นฐานของความเข้มแข็งของประเทศด้วย
โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
จะส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน จัดอบรมพ่อแม่ผู้ปกครอง
ญาติพี่น้อง เกี่ยวกับความรู้ในการป้องกันยาเสพติด
โดยจะมุ่งเน้นไปที่ครอบครัวที่มีบุคคล เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทั้งที่ถูกจับกุมหรือที่บำบัดรักษา เป็นเป้าหมายแรก
นอกเหนือจากยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกันแล้ว
ยังมีการใช้มาตรการทางกฎหมายสืบสวน ปราบปรามกลุ่มการค้ายาเสพติดระดับต่าง ๆ
เพื่อตัดโครงสร้างการกระจายยาเสพติดไปยังผู้เสพ
ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และการเร่งรัดโครงการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดแบบบูรณาการ
นำผู้เสพเข้าสู่ระบบบำบัดฟื้นฟูของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการใช้กระบวนการชุมชน
ประชาสังคมเข้าค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานส่วนกลางที่เกี่ยวข้อง
เช่น กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน
ในการจัดทำค่ายบำบัดฟื้นฟู
และโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองให้ความช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตภายหลังผ่านการบำบัดฟื้นฟู
เช่น การให้อาชีพ สนับสนุนเงินทุนประกอบอาชีพ
ตลอดจนการจัดกลไกติดตามผู้ผ่านการบำบัดให้สามารถกลับสู่สังคมได้ตามปกติ
26 มิถุนายน ของทุกปี เป็น
"วันต่อต้านยาเสพติดโลก" ควรถือเป็นโอกาสสำคัญเริ่มต้นการ
"สร้างรั้วทั้ง 5 ของชาติไทยให้แข็งแกร่ง" ด้วยจิตสำนึกและพลังความร่วมมือจากประชาชนในทุกภาคส่วน
ปัจจุบัน
รัฐบาล (นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ได้นำเอาปัญหายาเสพติดมาจัดทำเป็นวาระแห่งชาติ โดย เมื่อวันที่ 11 ก.ย.54 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการวาระแห่งชาติ “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” โดยกล่าวว่า “ปัญหายาเสพติดไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นปัญหาของคนไทยทั้งประเทศ โดยระบุว่าให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพราะยาเสพติดในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเร็ว เห็นได้จากตัวเลขในปี 2550 มีผู้เสพ 490,000 ราย แต่กลับเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ซึ่งพื้นที่เป้าหมายมี 6 หมื่นกว่าหมู่บ้าน จาก 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน ดังนั้น เราต้องคืนลูกหลานสี่แสนกว่ารายให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม ตนเป็นแม่และเห็นข่าวยาบ้าที่ขายกันทั่วตลาด วันนี้ดีใจที่พ่อแม่บางคนได้ลูกกลับคืนมา เราต้องรวมพลังนำคนป่วยกลับคืนเป็นคนดี”
รัฐบาล (นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ได้นำเอาปัญหายาเสพติดมาจัดทำเป็นวาระแห่งชาติ โดย เมื่อวันที่ 11 ก.ย.54 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการวาระแห่งชาติ “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” โดยกล่าวว่า “ปัญหายาเสพติดไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นปัญหาของคนไทยทั้งประเทศ โดยระบุว่าให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพราะยาเสพติดในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเร็ว เห็นได้จากตัวเลขในปี 2550 มีผู้เสพ 490,000 ราย แต่กลับเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ซึ่งพื้นที่เป้าหมายมี 6 หมื่นกว่าหมู่บ้าน จาก 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน ดังนั้น เราต้องคืนลูกหลานสี่แสนกว่ารายให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม ตนเป็นแม่และเห็นข่าวยาบ้าที่ขายกันทั่วตลาด วันนี้ดีใจที่พ่อแม่บางคนได้ลูกกลับคืนมา เราต้องรวมพลังนำคนป่วยกลับคืนเป็นคนดี”
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า
ปัญหานี้รัฐบาลถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ และสนองพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.
ที่ทรงชี้ให้เห็นถึงภัยอันตรายของปัญหานี้ รัฐบาลและทุกภาคส่วนได้น้อมนำมาปฏิบัติ
และข้อห่วงใยของพระองค์ท่านนั้น รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายและวาระแห่งชาติ
ภายใต้ปฏิบัติการวาระแห่งชาติ พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยต้องลดให้ได้ภายใน 1 ปี
โดยทุกฝ่ายต้องทำงานแบบบูรณาการเป็นระบบ และจะต้องลดความรุนเเรงให้ได้ 80 เปอร์เซ็นต์
ปัจจัยที่เคยทำมาสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร 6
ประการ คือ
1.ยึดพื้นที่เป็นฐาน
เพื่อแบ่งพื้นที่ดูแลสอดส่อง
2.มอบบทบาทความรับผิดชอบร่วม
3.เชื่อมระบบข้อมูลผู้ค้าและกลุ่มเสี่ยงจากอำเภอและจังหวัดมายังส่วนกลาง
4.แยกกลุ่มผู้เสพที่บำบัดได้ 300,000 ราย
5.กำหนดกลไกการทำงานของศูนย์อำนวยการที่สั่งการไปยังภูมิภาค
6.มีเจ้าภาพที่ชัดเจน
2.มอบบทบาทความรับผิดชอบร่วม
3.เชื่อมระบบข้อมูลผู้ค้าและกลุ่มเสี่ยงจากอำเภอและจังหวัดมายังส่วนกลาง
4.แยกกลุ่มผู้เสพที่บำบัดได้ 300,000 ราย
5.กำหนดกลไกการทำงานของศูนย์อำนวยการที่สั่งการไปยังภูมิภาค
6.มีเจ้าภาพที่ชัดเจน
ฉะนั้นรัฐบาล มีแผนปฏิบัติการครั้งนี้โดยมี
6
ประการ คือ
1.เสริมสร้างพลังแผ่นดินฯ
เน้นชุมชนและหมู่บ้านที่ต้องนำพลังจากทุกภาคส่วนและน้อมนำพระราชเสาวนีย์ฯ
เป็นหลักปฏิบัติมาประมวล พัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังทั่วประเทศ
เน้นหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขยายกองทุนแม่แห่งแผ่นดิน
2.การแก้ปัญหาผู้เสพ หลักสำคัญ
คือต้องถือว่าผู้เสพคือคนไข้ที่ป่วย รัฐบาลต้องการเห็น 400,000 คนกลับคืนเป็นคนดีของสังคม
โดยแบ่งการบำบัดเป็น 3 ระดับ คือ ผู้ป่วยหนัก ปานกลาง และเล็กน้อย
โดยผู้ป่วยหนักและปานกลางต้องร่วมมือกับโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง
ของกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุขต้องบำบัดรักษา
ส่วนผู้ป่วยเล็กน้อยนั้นจะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมบูรณการให้หายขาดและฟื้นฟู
ตนอยากเห็นขั้นตอนนี้ที่ต้องให้ความรู้ของยาเสพติดและสร้างอาชีพใหม่ให้มีงานทำ
3.การป้องกันพื้นที่กลุ่มเสี่ยง
โดยจะมองพื้นที่จาก 8 หมื่นกว่าชุมชนให้เหลือ 6 หมื่นชุมชน
โดยจัดพื้นที่ว่างเปล่าในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงมีลานกิจกรมและกีฬาทดแทนไม่ให้กลุ่มเสี่ยงไปค้ายาเสพติด
4.การปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดและผู้ทรงอิทธิพลที่ยึดหลักนิติธรรม
มาตรการทางกฎหมายต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม จริงจังเข้มงวด
ตนขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการขั้นตอนที่ยากลำบาก
5.ส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศและชายแดนในการป้องกัน
ป้องปรามขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติและนำสารตั้งต้นเข้ามาในประเทศ
การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องไม่พัวพันกับยาเสพติดเด็ดขาด
และขอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาและใช้มาตรการทางปกครองวางไว้เป็นภาพรวม
และพยายามกำจัดปริมาณการค้ายาเสพติดข้ามชาติจากทุกแหล่ง
6.ดึงผู้ป่วย 4 แสนกว่ารายมารักษา
ตรงนี้จะเป็นการลดปริมาณการค้าขายยาเสพติดจะทำให้ทำงานง่ายและเป็นระบบ
จะเห็นได้ว่าปัญหายาเสพติดนั้น เป็นปัญหาที่สำคัญของทุกประเทศ การปราบปรามกระทำได้ยาก
หากไม่มีการปฏิบัติอย่างเข้มขวด
ดังนั้นการเอาชนะปัญหายาเสพติดควรที่จะต้องได้รับการร่วมมือรวมใจจากคนไทยทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันครอบครัว ต้องให้การดูแลบุตรหลานอย่างอบอุ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น